พระขุนแผน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ประวัติหลวงปู่ทิม โดยสังเขป

พระครูภาวนาภิรัต หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2422 อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2449 มีพระครูขาว วัดทับมา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ พัทธสีมาวัดละหารไร่ ได้รับฉายา อิสริโก

PutimPic01

หลังจากบวชแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนทาง ปฏิบัติสมถะกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อสิงห์ อาจารย์ของท่าน และศึกษาวิชาต่างๆ จากตำราคู่วัดละหารใหญ่ (เข้าใจว่าเป็นตำหรับเดิมของหลวงปู่สังข์เฒ่า)จนมีความรู้แตกฉานได้ออกจาริก ปฏิบัติธุดงค์กับหลวงพ่อยอด นักปฏิบัติที่เป็นอาจารย์ ออกธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเจริญสมณะธรรม ออกหาความวิเวกสันโดษ เป็นเวลาสามปี ครั้นเมื่อใกล้เข้าพรรษากลับมาถึงจังหวัดชลบุรีได้จำพรรษาที่วัดนามะตูมถึง สองพรรษา ได้เที่ยวร่ำเรียนศึกษาวิชาเพิ่มเติม กับพระเกจิอาจารย์หลายรูป ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่เก่งกล้าอีกลายคน จากนั้นได้กลับมาจำพรรษาที่วัดละหารใหญ่ และได้รับนิมนต์จากชาวบ้านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ตั้งแต่ พ.ศ.2450 ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณซ่อมแซมกุฏิ และถาวรวัตถุอีกหลายอย่าง

หลวงปู่ทิม เป็นพระที่ปฏิบัติเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัยขององค์สัมมา สัมพุทธเจ้า เป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูปรส กลิ่น เสียง ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันภัตตาหารมื้อเดียวเวลาประมาณ 7.00 น. และฉันน้ำชาประมาณ 16.00 น. จะไม่มีการฉันเพลเลย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารคาวทุกชนิดท่านจะไม่ยอมฉัน แม้แต่น้ำปลา

อาหารที่ท่านฉันส่วน ใหญ่จะเป็นผัก ถั่ว หรือน้ำพริกกับเกลือป่น ปฏิบัติอย่างนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณของท่านก็ปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านยังดีและสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ร่างกายอ้วนท้วนพอสมควร ทั้งนี้คงเป็นเพระบุญบารมีของท่านที่สะสมมา จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัด และบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัย ดำรงชีวิตอยู่ได้ถึง 96 ปี อายุพรรษา 72 และมรณภาพด้วยโรคชรา หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2526 มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดละหารไร่ และวันที่ 16 ตุลาคมของทุกปี วัดละหารไร่และคณะศิษย์จะร่วมกันจัดงานวันระลึกถึงหลวงปู่ทิม ซึ่งก็มีลูกศิษย์มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

นามเดิม     : นายทิม งามศรี
เกิด          : วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2422 ตรงกับเดือน เจ็ด ปีเถาะ ที่ บ้านหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ สอง ต.ละหาร (ปัจจุบันเป็น หมู่ หนึ่ง ต.หนองบัว) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ชื่อบิดา      : นายแจ้ง งามศรี
ชื่อมารดา   : นางอินทร์ งามศรี
อุปสมบท   : วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2449 ตรงกับขึ้น เจ็ด ค่ำ เดือน หก ปีมะแม ณ วัดละหารไร่
มรณภาพ   : วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518
รวมสิริอายุ : เก้าสิบหกปี หกสิบเก้าพรรษา

 

วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม

วัตถุมงคลท่านได้ สร้างไว้หลายรุ่น และหลายพิมพ์ ทั้งพระเหรียญและเนื้อผง ตั้งแต่ พระชุดชินบัญชร  ทั้งพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์  พระสงกัจจายน์  พระปิดตา  เหรียญเจริญพร  รวมไปถึงวัตถุมงคลรุ่น 8 รอบ แต่หนึ่งในพระที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและพุทธคุณสุดยอดทางด้านเมตตามหานิยม ต้องยกให้  ขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ทิม  วัดละหารไร่ แม้หลายคนจะถือว่าพระขุนแผนของหลวงปู่ทิมเป็นพระใหม่ แต่มีเอกลักษณ์ในการสร้างเฉพาะตัวจริงๆ ทั้งพิมพ์พระ และส่วนผสมในเนื้อพระที่นอกจากจะประกอบด้วยผงพุทธคุณต่างๆ แล้วยังมีผงพรายกุมารเป็นมวลสารหลักอีก พระผงพรายกุมารจึงเป็นพระชุดหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงของหลวงปู่ทิมให้โด่งดัง ไม่น้อยไปกว่าพระชุดชินบัญชรเลย เนื่องจากนอกจากจะมีประสบการณ์ในทางเมตตามหานิยมอย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด และมหาอุดอีกด้วย จนทำให้ปัจจุบันพระขุนแผนชุดนี้มีราคาแทบจะแพงกว่าพระกรุพระเก่า

พระขุนแผนพรายกุมาร

พระ ขุนแผนพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ สามารถแบ่งจากพิมพ์ และบล็อคที่ใช้กด คือ มี พิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก หลังจากนั้นก็จะแบ่งแยกย่อยตาม บล็อคที่ใช้กดอีกที คือ
1. ขุนแผน บล็อกลองพิมพ์ (ทดลองกดพิมพ์พระขุนแผน) บล็อกนี้จะเป็นเนื้อกระยาสารททั้งหมดไม่ว่าจะพิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์เล็ก และจะไม่มีการฝังตะกรุด
2. ขุนแผน บล็อกแรก หรือ บล็อคนิยม มีเนื้อหลายสี ทั้งสีขาว ขาวทาบรอนด์ สีชมพู สีส้ม สีเขียว สีดำ สีแดง (ผสมว่านสบู่เลือด) สีเหลือง (ผสมว่านดอกทอง) และมีทั้งแบบฝังตะกรุดกับไม่ฝังตะกรุด
3. ขุนแผนบล็อกสองมีทั้งพิมพ์เล็ก และพิมพ์ใหญ่ พิจารณาไม่ยาก เพราะสายเส้นรายละเอียดจากตื้นกว่าบล็อกแรก บางท่านก็ว่าเกิดจากการเอาบล็อกแรกไปถอดพิมพ์ใหม่ แล้วก็ไปแต่งเส้นสายต่างๆใหม่ บางกระแสก็บอกว่าเป็นการเอาบล็อกแรกที่เริ่มชำรุดเพราะกดพิมพ์นิยมไปจนสึก แล้วมาใช้กดพระบล็อกสองในภายหลัง

 0b

0s

หมายเหตุ

  • ขุน แผนพรายกุมารพิมพ์เล็กจะสร้างขึ้นก่อน สังเกตได้จากข้อความด้านหลังองค์พระ “หลวงพ่อทิม วัดไร่วารี” (ซึ่งเป็นชื่อเดิมของวัดละหารไร่) ในขณะที่ ขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่ ได้เปลี่ยนเป็น “หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่” แต่ยังคงใช้ยันต์ ๕ เหมือนกัน
  • บล็อกลองพิมพ์ ได้เนื้อผงพรายกุมารผสมอยู่เยอะ บล็อกสอง ได้วัตถุมงคลเยอะมาก เช่น มีเส้นเกศา เล็บหลวงปู่ มีผงตะไบทอง เป็นต้น บล็อกนิยม ได้สวย ได้ค่านิยมสูงกว่าอีกสองพิมพ์ หากจะว่าไปแล้วของแท้ราคาเกินแสนทั้งสิ้น
  • หนึ่งในมวลสารที่ผสม ลงในพระขุน แผนบล็อก ลองพิมพ์ ที่มีความเป็นเป็นที่สุดอีกอย่างคือน้ำมันพระเจ้าตากหรือน้ำมันพราย สุดยอดแห่งพลังเมตตามหานิยม ที่เพิ่มความเฮียนหรือพลังของพระพรายมหาภูติ รวมเข้ากับจิตอันบริสุทธิของหลวงปู่เสกจากวัตถุอาถรรต์พลังรุนแรง จนเป็นสิ่งบริสุธิที่มีพลังมหาสารสามารถบังเกินฤทธิ์ปาฏิหารต่างๆนาๆกับผู้ ครอบครองบูชา

1b 1s

 

ประวัติกำเนิดผงพรายกุมาร มวลสารสำคัญของขุนแผนพรายกุมารหลวง

ปัจจุบันต้องยอมรับ ครับว่า พระขุนแผนผงพรายกุมารฯ ลป.ทิม นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นพระยุคหลังที่มีความต้องการในตลาดสูงมาก ราคาเช่าหาก็มีการขยับกันตลอดอย่างต่อเนื่องจนแซงพระกรุเก่า ๆ ไปหลายกรุแล้วครับ ดังนั้นเราจะมาศึกษากันครับว่า พระขุนแผนผงพรายกุมารฯ ของท่านนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ก่อนอื่นคงต้องกล่าวถึงชื่อเต็มของผงพรายกุมารฯ ก็คือ “ผงพรายกุมารมหาภูติ” แต่นิยมเรียกกันเพียงสั้น ๆ ว่า “ผงพรายกุมารฯ” ครับ

เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาว บ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่ง พรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัว อาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ “กะโหลกพรายกุมาร” วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น “ผงพรายกุมารมหาภูติ” ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ

“วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่” หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป

การปลุกเสกผงพราย กุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหา ภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลา หนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอม เทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้ม ประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกด พิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า “ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ “ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับ จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว

2b

2s

ประสบการณ์

เรื่องจริงที่ เล่าขานกันโด่งดัง ของ จังหวัดอยุธยา ณ.วัดสะแก เมื่อประมาณปี ๒๕๒๐ ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายเย็น หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ออกมานั่งคุยกับศิษย์ที่บริเวณระเบียงกุฏิของท่าน เมื่อนั่งคุยกันชั่วครู่ใหญ่ หลวงปู่ดู่และศิษย์เห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาในวัดแล้วจอด มีชาย 4 คนลงจากรถ และเดินตรงมาที่กุฏิของท่าน “เอ๊ะ..อ้ายพวกนี้มาแปลก…” หลวงปู่ดู่อุทาน “มันเอาผีมาด้วย” บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ดู่ เมื่อได้ยินหลวงปู่พูดถึงผี ก็พากันชะเง้อดูคนทั้งสี่ “เอ…ผมมองไม่เห็นผี” ศิษย์คนหนึ่งบอกกับหลวงปู่ “ผมไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ มีอะไรหรือครับหลวงปู่…” หลวงปู่ดู่หัวเราะกับศิษย์ และพูดกับศิษย์ว่า.. “ฉันเห็นผีมันล้อมรอบพวกสี่คนที่กำลังเดินมาเต็มไปหมด” คนทั้งสี่ เมื่อเดินมาถึงหน้าบันได้กุฏิ ก็พากันถอดรองเท้า แล้วพากันขึ้นบนกุฏิ คลานเข้ามากราบหลวงปู่ดู่.. “นี่…พวกเธอมาหาฉัน ทำไมจึงเอาผีมาด้วย” หลวงปู่ดู่ถามชายทั้งสี่ พร้อมกับหัวเราะด้วยอารมณ์ดี คนทั้งสี่มองหน้ากัน ตีหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อได้ยินหลวงปู่ดู่บอกว่า พวกตนที่มาหา…พาผีมาด้วย “ผีที่ไหนครับหลวงปู่” นายเบิ้ม พบร่มเย็น หนึ่งในสี่คนที่มาหาหลวงปู่ ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ยังไม่รู้อีกเรอะ” หลวงปู่ดู่หัวเราะด้วยอารมณ์ดี “ผีมันออกมาจากพระที่แขวนอยู่ที่คอน่ะสิ” ทั้งสี่คนที่มาหาหลวงปู่ถึงบาง “อ้อ” คนทั้งสี่ที่มาหาหลวงปู่ดู่เป็นศิษย์ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง และทุกคนมีพระเครื่องที่หลวงปู่ทิมสร้าง แขวนอยู่บนคอ เช่น พระพรายเพชร พรายบัว (พระสององค์ติดกัน)พระพิมพ์สี่เหลี่ยมหัวโต…หรือพระเล็กๆ แบบสามเหลี่ยมเรียกนางพญา และพระขุนแผนเล็กและใหญ่ บรรดาพระเครื่องที่เอ่ยนามมานี้ นอกจากจะมีผงพระพุทธคุณแล้ว ยังผสม “ผงผีพรายกุมาร” ที่ได้มาจากเด็กที่ตายทั้งกลม…. คนทั้งสี่นำสร้อยคอที่แขวนพระที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมาร ให้หลวงปู่ดู หลวงปู่นั่งหลับตาชั่วครู่ใหญ่บอกว่า “ของเขาแรงใช้ได้ดีทีเดียว แต่ดูเหมือนผู้สร้าง..ได้เสีย..เสียแล้ว” “ครับ…เป็นพระเครื่องของท่านหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง ที่ได้สร้างขึ้น และหลวงปู่ทิมได้มรณภาพมากว่า ๒ ปีแล้ว…” นายเบิ้ม พบร่มเย็น บอกแก่หลวงปู่ดู่

 

คาถาบูชาพระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ตั้งนะโม 3 จบ

อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ
สุ นะ โม โล มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อะนัตตา พุทโธ พุทโธ (3จบ)

 

ที่มา:

http://p.moohin.com/101.shtml

http://www.lamphunamulet.com

http://www.komchadluek.net

http://www.ittiyano.com

http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=5297

http://www.tumsrivichai.com/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html

http://group.wunjun.com/25amulet/topic/370202-11523