ในยุคที่กระแส”ให้เงินทำงาน” ปฎิเสธไม่ได้หรอกครับว่าใครๆก็อยากมีรายได้โดยไม่ต้องทำงานประจำ แต่ให้เงินที่มีอยู่สร้างเงินขึ้นมาอีกต่อนึง ตัวอย่างง่ายๆก็เช่น การฝากเงินธนาคาร เพื่อกินดอกเบี้ย ถึงแม้ดอกเบี้ยจะต่ำมากก็ตาม แต่คุณก็ได้เงินมาใช้จากเงินต้นของคุณเอง
ผมเองมักได้ยินคำถามจากน้องๆ เพื่อนๆ ถามเรื่องการลงทุนที่ผมทำอยู่ ว่าจะลงทุนอย่างไร เก็บเงินอย่างไรดี ให้ได้ผลตอบแทนเยอะที่สุด วันนี้ พระเกจิ ดอทคอทจะตีแผ่วงการการลงทุนในระบบทุนนิยมว่าเราลงทุนอะไรได้ บ้าง แล้วพระเครื่องจะไปเกี่ยวอะไรกับการลงทุน แล้วจะมีวิธีการสร้างผลตอบแทนได้อย่างไร
1. ฝากเงินธนาคาร
การฝากเงินธนาคาร เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เงินต้นไม่หาย แต่ดอกเบี้ยต่ำกว่า 0.75% สำหรับออมทรัพย์ และที่ 2-3% สำหรับฝากประจำ ผมลงทุนในส่วนนี้เพียงนิดหน่อย เพราะผลตอบแทนต่ำ ถ้าเราฝากประจำ 1,000,000 เราจะได้ดอกเบี้ย 20,000 – 30,000 ต่อปี ตกเดือนละ 2 พันกว่าบาทเอง
แต่ข้อดีคือความเสี่ยงต่ำ เงินเราไม่หาย การเบิกมาใช้ในยามฉุกเฉินก็สะดวกกว่า
2. ลงทุนในหุ้น
ยุคนี้การลงทุนในหุ้น เป็นที่นิยมมาก เพราะผลตอบแทนยั่วใจ สามรถทำเงินได้ หลายๆเท่าในไม่กี่ชั่วโมง นั้นก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงสูง…High Risk High Return
สัดส่วนคนที่จะได้กำไรจากตลาดหุ้นก็ น้อยมากครับ เล่นหุ้น100คน มีประมาณไม่ถึง20คนที่จะได้กำไรจริง และมีเพียง 5คน ที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ จากประสบการณ์ที่ลงทุนในตลาดทุนมาหลายปี ผลตอบแทนเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 10-20% ต่อปี แต่การที่จะได้ผลกำไรแบบนี้ คุณต้องแลกมันด้วยเวลาในการศึกษาทางTechnical สำหรับคนที่จะเล่นเกร็งกำไรระยะสั้น หรือ ศึกษาปัจจัยพื้นฐาน ของบริษัทที่จะลงทุน หากคุณจะถือยาวๆ
3. อสังหารมทรัพย์ให้เช่า
ถ้าคุณมีเงินเย็น การซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน เก็บไว้ให้เช่าเป็นคำตอบที่ดีมากครับ ผมลงทุนประเภทนี้ไว้บางโดยซื้อบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อปล่อยเช่า
โดยเฉลี่ยผลตอบแทนจะอยู่ที่ 8-10% ต่อปีจากราคาของอสังหารัมทรัพย์นั้น และเมื่อเวลาผ่านไป ราคาของอสังหารัมทรัพย์ก็จะมากขึ้น สามารถขายเพื่อกินกำไรส่วนต่างได้ ข้อดีของการลงทุนประเภทนี้คือความเสี่ยงต่ำ แต่สภาพคล่องก็ต่ำเช่นกัน เพราะไม่ง่ายนั้นที่จะหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่เราต้องการ ดังนั้นผมแนะนำเฉพาะคนที่มีเงินเย็นๆเท่านั้น
4.กองทุน
กองทุนคือการลงทุนในตลาดทุนเหมือนหุ้น นั้นแหละ แต่แทนที่เราจะไปลงทุนเอง บริหารportเอง เราจะให้บริษัทบริหารกองทุน จัดการให้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย ไม่เกิน 3%ผลตอบแทนของบางกองสูงถึง15-20% ต่อปีเลยทีเดียว
ข้อดีคือจะมีมืออาชีพมาดูแลเงินลงทุน ของเราให้ แต่อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าทุกกองทุนจะบริหารได้ดี บางกองขาดทุนก็มี โชคดีว่ากองทุนที่ผมถืออยู่มีผลตอบแทนและเงินปันผลที่ใช้ได้เลย ผมลงทุนในกองทุนเยอะที่สุดของการลงทุนทั้งหมด
5.งานศิลปะ ของเก่า
งานศิลปะ ของเก่า เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าและหายาก ราคาขึ้นตรงกับเวลาที่มากขึ้นๆ แต่ต้องเลือกเก็บงานที่เป็นที่นิยม ไม่ใช่ว่าของอะไรเก่าก็เก็บมั่วไปหมด งานศิลปะที่ผมคิดว่าน่าเก็บ ก็ต้องเป็นของ อ.ถวัลย์ อ.เฉลิมชัย ซึ่งบางอย่างราคายังไม่แพง อย่างเหรียญของอ.ถวัลย์ ราคาก็ยังอยู่หลักหมื่น เมื่อเทียบกับภาพเขียนของแกราคาหลายล้าน จึงน่าสะสมเลยทีเดียว
6.พระเครื่อง
ผมศึกษาการลงทุนในพระเครื่องอย่างจริงจังมาไม่นานนัก (แต่คลุกคลีกับพระเครื่องครั้นตั้งแต่เด็ก) เนื่องด้วยเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะพระหลักๆ
หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน พระเครื่อง หลวงปู่ทวด หลวงปู่ทิม ราคาถูกกว่าปัจจุบันมากกว่า 5-10 เท่า หรือ 500% -1000% หากเทียบระยะเวลา 10 ปีได้500% นั้นเท่ากับว่าราคาขยับสูงขึ้นร่วมๆ 50% ทุกปี ผลตอบแทนสูงกว่าการทุนทุกประเภท และมีสภาพคล่องสูงมากคือซื้อ-ขายได้ง่าย มีคนรอซื้อ รอขายอยู่ตลอดเวลา
อีกส่วนสำคัญที่สุดของผม ในการเก็บพระเครื่องที่นอกจากได้ผลกำไรแล้ว(ซึ่งผมว่าคือผลพลอยได้มากกว่า) คือ การเป็นเครื่องเตือนใจให้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ…พอห้อยหลวงปู่หลวงพ่อไว้ที่คอแล้ว มันยากนักที่จะไปทำไม่ดี ทำบาป หรือคิดไม่ดี คนเราพอคิดดีทำดี สิ่งดีๆก็จะเข้ามาหา ตามกฎของแรงดึงดูด นั้นก็ส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าของเราด้วยครับ
ยังไม่จบครับ ตอนต่อไป ผมจะพาเข้าไปล้วงลึกว่า จะเริ่มเก็บยังไรดี ดูพระไม่เป็นจะเก็บพระได้มั้ย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าพระอะไรเก็บไว้แล้วราคาจะขึ้น
ติดตามกันให้ได้นะครับ รับรองว่าจะเปิดแนวคิดใหม่ในการสะสมพระเครื่องแน่นอน…